
ราชกิจจานุเบกษา ประกาศปรับ 29 จว.พื้นที่สีแดงเข้ม ปฏิบัติต่อเนื่องถึง 31 เดือนสิงหาคม ประเมินทุก 14 วัน
ตอนวันที่ 1 เดือนสิงหาคม ราชกิจจานุเบกษา เผยพร่ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการจัดการราชการ ในเหตุการณ์รีบด่วน พุทธศักราช2548 (ฉบับที่ 30) ดังนี้ เพื่อเป็นการปฏิบัติอย่างเนื่องอีกระยะเวลาหนึ่ง พร้อมยกระดับมาตรการ เพื่อให้การควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันมิให้การแพร่ระบาดเพิ่มความร้ายแรงขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากการที่ได้ควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกรุ๊ปแรงงานก่อสร้างในเขตพื้นที่กรุงเทพฯและละแวกใกล้เคียง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดแบบกลุ่ม โดยปิดสถานที่ทำการก่อสร้างและบริเวณที่พักที่อาศัยชั่วครั้งคราวสำหรับคนงาน ตลอดจนได้มีการกำหนดมาตรการปิดสถานที่หรือธุรกิจการค้าที่มีการเสี่ยงบางกรณี เพื่อประโยชน์สำหรับการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
ผลการทำงานในขณะที่ผ่านมาปรากฏว่าได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบกิจการ และผู้จะรับผิดชอบสำหรับการปรับปรุงสถานที่พักคนงาน และการสุขาภิบาลให้ถูกสุขลักษณะ การปรับแต่งสถานประกอบกิจการและจัดแจงมาตรการด้านป้องกันและควบคุมโรค รวมถึงการกำกับติดตามให้เป็นไปตามมาตรการที่ราชการกำหนดเป็นที่เป็นระเบียบแล้ว
ก็เลยควรปรับการบังคับใช้บางมาตรการต่อกรุ๊ปบุคคล สถานที่ และธุรกิจการค้าที่เกี่ยวโยง เพื่อลดผลกระทบต่อพลเมือง อีกทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม แต่ยังคงให้ประพฤติตามมาตรการควบคุมและกำกับติดตามการคุ้มครองและควบคุมโรคจากที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัดถัดไป
ดังนี้ สาระสำคัญของประกาศเป็น ปรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและครัดเคร่ง (สีแดงเข้ม) จากเดิม 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด มี กรุงเทพฯ จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสาคร นครปฐม จังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา จังหวัดกาญจนบุรี ตาก จังหวัดนครนายก จังหวัดโคราช จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี เพชรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ ระยอง จังหวัดราชบุรี ลพบุรี จังหวัดสิงห์บุรี สมุทรสงคราม จังหวัดสระบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดอ่างทอง
พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) รวม 37 จังหวัด ดังต่อไปนี้ จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดกำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ จังหวัดชุมพร เชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ ตรัง จังหวัดตราด นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ จังหวัดบุรีรัมย์ พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก มหาสารคาม จังหวัดยโสธร ระนอง ร้อยเอ็ด ลำปาง ลำพูน เลย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสกลนคร สตูล สระแก้ว จังหวัดสุโขทัย สุรินทร์ จังหวัดหนองคาย หนองบัวลำภูเขา อุตรดิตถ์ จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดอุดรธานี อุบลราชธานี และอำนาจรุ่งโรจน์
ในเวลาที่พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) รวม 11 จังหวัด ดังต่อไปนี้ จ.กระบี่ นครพนม น่าน บึงรอยดำ พะเยา จังหวัดพังงา แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน และสุราษฎร์ธานี
– พื้นที่ควบคุมสูงสุดและครัดเคร่ง (สีแดงเข้ม) อีกทั้ง 29 จังหวัด ยังให้ลดและจำกัดการเคลื่อนย้ายเดินทาง ห้ามออกนอกที่อยู่อาศัยระหว่างเวลา 21.00-04.00 น.วันพรุ่งนี้
– พื้นที่ควบคุมสูงสุดและครัดเคร่ง ห้ามดำเนินกิจกรรมซึ่งมีการจับกลุ่มรวมกันมากยิ่งกว่า 5 คน
– พื้นที่ควบคุมสูงสุด ห้ามดำเนินกิจกรรมซึ่งมีการจับกลุ่มรวมกันมากยิ่งกว่า 20 คน
– พื้นที่ควบคุม ห้ามดำเนินกิจกรรมซึ่งมีการจับกลุ่มรวมกันมากยิ่งกว่า 50 คน
– พื้นที่เฝ้าระวังสูง ห้ามดำเนินกิจกรรมซึ่งมีการจับกลุ่มรวมกันมากยิ่งกว่า 100 คน
– พื้นที่เฝ้าระวัง ห้ามดำเนินกิจกรรมซึ่งมีการจับกลุ่มรวมกันมากยิ่งกว่า 150 คน
– ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มที่ตั้งอยู่ในห้าง ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบกิจการอื่นที่มี
ลักษณะคล้ายคลึงกัน เฉพาะในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและครัดเคร่ง ให้เปิดได้ถึงเวลา 20.00 น. จำหน่ายแบบดิลิเวอรีเพียงแค่นั้น ไม่มีการจำหน่ายแก่ผู้ซื้อโดยตรง เพื่อลดการติดต่อระหว่างผู้แทนจำหน่ายและผู้ซื้อ
ดังนี้ ให้ประพฤติตามมาตรการนี้เป็นระยะเวลาต่อเนื่องจนถึงวันที่ 31 เดือนสิงหาคม 2564 โดยให้ประเมินเหตุการณ์และความเหมาะสมของมาตรการตามข้อกำหนดนี้ทุกห้วงช่วงเวลา 14 วัน
ดังนี้ เมื่อวันที่ 3 เดือนสิงหาคม 2564 เป็นต้นไป
คลิกอ่าน คำสั่งศูนย์บริหารเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อเชื้อไวรัสโคโรที่นา 2019 (โควิด-19) ที่ 11/2564 เรื่อง พื้นที่เหตุการณ์ที่กำหนดเป็นหลักที่ควบคุมสูงสุดและครัดเคร่ง พื้นที่ควบคุมสูงสุด และพื้นที่ควบคุม ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการจัดการราชการ ในเหตุการณ์รีบด่วน พุทธศักราช2548
ดังนี้ เมื่อวันที่ 3 เดือนสิงหาคม 2564 เป็นต้นไป หรือตราบจนกระทั่งจะมีคำสั่งเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น